วันที่ 1 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่อำเภอปง จังหวัดพะเยา ปลูกยาสูบทำยาเส้น หรือยาขื่นขายสร้างรายได้และเป็นอาชีพที่ทำกันทุกหลังคาเรือน ยึดเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมา ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษโบราณ จนถึงรุ่นปู่ย่าตายาย และถึงรุ่นปัจจุบัน ทำให้ ผู้คนในอำเภอปง มีความผูกพัน และความเป็นอยู่ กับพืชยาสูบมาเนิ่นนาน และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนครอบครัวเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัดพะเยาด้วย
นายประเวศ กาพุทธ อายุ 62 ปีเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบในตำบลขุนควร อำเภอปง กล่าวว่า ตนเองปลูกยาสูบพื้นเมืองหรือยาขื่น ซึ่งปลูกอยู่บริเวณใกล้ลำน้ำยมในการปลูกยาขื่นจะเริ่มปลูกในเดือนตุลาคม และเริ่มเก็บใบยาในเดือนธันวาคม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 เดือน หลังจากเก็บใบยามาแล้วจะนำมาบ่ม 5 วัน จากนั้นจึงหั่น สมัยก่อนหั่นโดยใช้มีด แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นจึงใช้เครื่องจักรในการบดหรือหั่นยาและสามารถผลิตยาได้ทันตามความต้องการของตลาด หลังจากนั้นก็จะนำใบยาที่บด-ตัด แล้วไปตากประมาณ 3 แดด ก็จะสามารถเก็บและทำเป็นก้อน บรรจุลงในตะกร้า หรือ ก๋วย เพื่อออกจำหน่าย ซึ่งการทำไร่ยาขื่นหรือยาสูบ ของชาวบ้านในพื้นที่บ้านนาอ้อม ตำบลขุนควร อำเภอปง แต่ละบ้านจะผลิตแต่ละวันหนึ่งจะได้ 12 ตะกล้า หรือ ก๋วย บรรจุก๋วยละ 200 ก้อน ราคาจำหน่ายตั้งแต่ 2,500 – 3,000 บาท และมีพ่อค้าจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสานมารับซื้อไปจำหน่ายต่อสามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่บ้านนาอ้อม และอีกหลายหมู่บ้านในเขตพื้นที่ อำเภอปง เป็นอย่างดี